ปวด หัว แบบ ไหน
ปวดหัวคืออะไร?
ปวดหัวเป็นอาการที่เกิดจากความรู้สึกไม่สบายหรือระบบประสาทในส่วนหนึ่งของศรีษะก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดหรืออาการตกลงมาที่หน้าหรือปลายประสาท (ส่วนเรียกว่า nociceptors) ซึ่งทำให้ตำแหน่งที่เกิดปวดหัวนั้นเสียสมดุลและไม่สบาย
สาเหตุของปวดหัว
ปวดหัวสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับร่างกายและสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุพื้นฐานที่อาจเป็นต้นเหตุของปวดหัวได้ดังนี้
1. สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย:
– การตีและบาดเจ็บที่ศรีษะ: เช่นการกระแทกขนาดใหญ่หรือการกระแทกจากการเล่นกีฬาหรือการบาดเจ็บจากการหกล้มหรือที่ได้รับบาดเจ็บที่เกี่ยวกับศรีษะ
– อาการจากภาวะเครียด: การอยู่ในสภาวะเครียดเฉียบพลันหรือเครียดในช่วงอายุหลังคลอด
– อาการจากภาวะเครียดเรื้อรัง: เช่น ภาวะเครียดหรือภาวะโรคซึมเศร้า
2. สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม:
– การไม่ได้รับพักผ่อนหรือการนอนไม่เพียงพอ: การทำงานหรือการทำกิจกรรมในช่วงเวลานานโดยไม่ได้พักผ่อน
– ส่วนผสมอาหาร: การบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบที่เป็นปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดปวดหัว เช่น อาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ที่มันหนาข้นหรือทั้งนี้ความตื่นเต้นและความวิตกกังวลทางจิตใจที่ปรากฏในหลายๆ สถานการณ์ในชีวิตประจำวัน
ประเภทของปวดหัว
แม้ว่าปวดหัวจะเป็นอาการที่เกิดในตำแหน่งเดียวกัน แต่ก็มีหลายประเภทของอาการปวดหัวที่อาจมีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไปนี้
1. ปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ: อาการปวดที่มีลักษณะคล้ายกับการถูกบีบหรือขมับที่ศรีษะ
2. อาการปวดหัวแบบต่างๆ: ปวดหัวที่มีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันไป เช่น ปวดหัวแบบเพียงด้านหรือเส้นรอบศรีษะ ปวดหัวที่เกิดกับบริเวณใดบริเวณหนึ่งของศรีษะ หรือปวดหัวที่เกิดขึ้นทั่วทั้งศรีษะ
3. ปวดหัวแบบหนักหัว: ปวดหัวที่มีความรุนแรงและความรุนแรงที่สูงขึ้น เช่น ไมเกรนรุนแรง หรือปวดหัวที่มีอาการรุนแรงที่ร้าวกว่าปวดหัวปกติ
4. ปวดหัวกลางหัว: ปวดหัวที่มีจุดเด่นกายอื่นๆ ที่มุ่งเน้นศรีษะโดยเฉพาะ หรือปวดหัวที่เกิดขึ้นในบริเวณศีรษะและคอที่เชื่อมต่อกัน
5. ปวดหัวคิ้ว: ปวดหัวที่เกิดขึ้นบริเวณลำคอหรือคิ้วและทางข้างของศรีษะ
วิธีการวินิจฉัยปวดหัว
การวินิจฉัยปวดหัวจะคล้ายกับนักวินิจฉัยโรคอื่นๆ โดยจะต้องพิจารณาจากประวัติการเจ็บปวดของผู้ป่วย และมีความสำคัญที่จะระบุลักษณะของอาการปวด รวมถึงสภาวะที่เกี่ยวข้องที่สุดของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังควรระบุปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการเกิดปวดหัวเช่น อายุเกิน 40 ปี สูบบุหรี่ หรือมีประวัติคนในเครือของลูกชายที่มีปวดหัวเสมืยงภายในครอบครัว นอกจากนี้ สามารถใช้เครื่องมือการวินิจฉัยอื่นๆ ที่เป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยโรค เช่น การตรวจความดันโลหิต การตรวจสมาธิ การตรวจทางชีวเคมี เป็นต้น
การรักษาปวดหัวให้หายขาด
เมื่อสามารถระบุสาเหตุของอาการปวดหัวได้แล้ว จะสามารถรักษาอาการปวดหัวได้เหมาะสมกับสาเหตุนั้นๆ ตัวอย่างเช่น
1. ปวดหัวที่เกิดจากการตีและบาดเจ็บที่ศรีษะ: ให้ทำความสะอาดและปิดแผลให้ดี และการประคบหรือใช้เชือกเย็นบนส่วนที่เจ็บปวดอาจช่วยลดอาการ
2. ปวดหัวที่เกิดจากภาวะเครียด: สามารถใช้เทคนิคการควบคุมอารมณ์ การฝึกโยคะ การปรึกษาทางจิตเวช หรือการใช้ยารักษาภาวะเครียดตามคำแนะนำของแพทย์
3. ปวดหัวที่เกิดจากภาวะเครียดเรื้อรัง: จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาเส้นทางให้เหมาะสม โดยอาจใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือการรับบริการจากทีมที่ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพจิต เป็นต้น
4. ปวดหัวที่เกิดจากอาการไม่ได้รับพักผ่อนหรือการนอนไม่เพียงพอ: คำแนะนำที่สำคัญคือควรให้เวลาพักผ่อนเพียงพอและระบบการนอนที่ดีกว่า จะช่วยลดอาการปวดหัวได้
5. ปวดหัวที่เกิดจากส่วนผสมอาหาร: ควรเปลี่ยนแปลงส่วนผสมอาหาร ลดปริมาณการบริโภคอาหารที่อาจส่งผลเสียต่อการเกิดปวดหัว หรือสามารถปรึกษาและรับคำแนะนำจากเชี่ยวชาญทางโภชนาการ
การป้องกันปวดหัว
หากต้องการป้องกันปวดหัวให้เกิดขึ้นในระยะที่นานที่สุด สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. รักษาสุขภาพร่างกาย: ควรรักษาสุขภาพร่างกายอย่างถูกต้องโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีส่วนผสมทางโภชนาการที่ควร พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจส่งผลให้เกิดการเครียดอย่า
ปวดหัวแบบไหนที่ต้องพบแพทย์ ก่อนโรคร้ายจะถามหา รีบเช็คด่วน!!
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ปวด หัว แบบ ไหน ปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ, อาการปวดหัวแบบต่างๆ, วิธีแก้ปวดหัว, ปวดหัวแบบหนักหัว, ปวดหัวกลางหัว, ปวดหัวคิ้ว, ปวดหัว เหมือน โดน บีบ วิธี แก้, ปวดหัวตรงกลางตุบๆ
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ปวด หัว แบบ ไหน
หมวดหมู่: Top 31 ปวด หัว แบบ ไหน
ปวดหัวแบบไหน ไม่ อันตราย
หากคุณกำลังปวดหัวและสงสัยว่าสาเหตุมาจากอะไร ยังกังวลไม่แน่ใจว่าควรไปพบแพทย์หรือไม่ ข้อความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักกับปวดหัวแบบไหนที่ไม่อันตรายที่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เพื่อลดความกังวลและปรับสภาพตัวเองให้ดีขึ้น
ปวดหัวจากการเคลื่อนไหวมากเกินไป: หากคุณมีประวัติการดึงตัวบ่อยหรือออกกำลังกายหนัก อาจตั้งแต่การเล่นกีฬาจนถึงการทำงานพร้อมกับอุปกรณ์หนัก เช่น ฮามเมอร์แขน หรือไม้ไทบอง อาการปวดหัวที่คุณรู้จักอาจมาจากการเคลื่อนไหวตบจนเกินไปทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขยับแรงเกินไป ซึ่งสร้างอาการปวดหัวชนิดเดียวกับอาการเมฆฝนหรือช็อคไฟฟ้า หากคุณเสมอมีอาการดังกล่าว ปวดหัวอาจเกิดขึ้นได้บ่อยและต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์หรือเดือนหนึ่ง สำหรับบางคน การสวมหมวกความปลอดภัยเมื่อทำกิจกรรมที่อาจเป็นเรื่องที่จำเป็น เช่น การขี่จักรยาน สามารถช่วยลดอาการปวดหัวได้
โรคหวัดหรือไข้หวัด: หวัดหรือไข้หวัดอาจก่อให้เกิดอาการปวดหัวได้ ส่วนใหญ่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพราะร่างกายมีการสร้างสารที่เรียกว่าโพรสไตเทอรอน (Prostaglandin) เมื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย อาการปวดหัวโดยเฉพาะรุนแรงระหว่างหวัดหรือไข้ต่อเนื่องนาน 7-8 วัน แต่หากเป็นปวดหัวเพียงเบื้องต้น มักจะดีขึ้นเองเมื่อสภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่หากอาการรุนแรงหรือไม่พบการดีขึ้นให้ควรปรึกษาแพทย์
ความเครียดและไมเกรน: ความเครียดและไมเกรนเป็นสาเหตุที่มักจะเป็นปวดหัวกันได้บ่อย หากคุณมีการปวดหัวซ้ำๆ อาจเป็นเพราะคุณมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียด หรือคุณมีอาการไมเกรนที่เกี่ยวข้อง เช่น พบอาการตาม แสง หรือเสียงรบกวน อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมองที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสารเคมีที่ส่งสัญญาณเจ็บปวด การบริหารจัดการปัจจัยเหล่านี้ เช่น การทำหวาน การฝึกสติ หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยลดปวดหัวและการกังวลให้มีผลดี
อาการของตาและระบบประสาท: ปวดหัวที่เกิดไปพร้อมกับอาการตาแดง การเปลี่ยนแปลงหน้าตาของตาผุพัง หรืออาการปวดหัวที่มีความผิดปกติในระบบประสาท อาจเกิดจากสภาวะการติดเชื้อหรือเป็นอาการร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หวัด สำหรับคนที่พบง่าย ๆ ควรหยุดใช้วิสุทธิเคมีหรือหมากฝรั่ง โปรดต้องระวังในกรณีที่อาการปวดหัวรุนแรงและไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ปวดหัวที่ไม่รุนแรงและไม่เป็นสัญญาณร้ายสำหรับการนอนหรือเบาหวาน: ต่อมาในบางคน ปวดหัวอาจเป็นเพียงอาการร่วมที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหรือตื่นเช้า หากอาการปวดหัวเกิดขึ้นเมื่อตื่นเช้าหรือเวลาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายในช่วงกลางวันอาจเกิดจากความอ่อนแรงของร่างกายหรือเป็นสัญญาณของจังหวะไขว้เข้าเลขาภาวะนอนหลับที่เสียหลักการหลับให้ได้พักผ่อนเพียงพอ รูปแบบนี้อาจไม่ต้องการการรักษา เนื่องจากอาการพบบางครั้งเท่านั้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปวดหัว:
ควรทำอย่างไรเพื่อรักษาอาการปวดหัวเบื้องต้น?
เมื่อมีอาการปวดหัวเบื้องต้น คุณสามารถรักษาด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำเพียงพอ หรือการใช้เครื่องเสียงสบายชิดและเสียงที่ไม่กวนใจ ในบางกรณี การลอกเลื่อนที่ผม การปรับเปลี่ยนตำแหน่งการนั่งหรือการนอน หรือการพ่นน้ำแร่ผสมผสานก็อาจช่วยบรรเทาอาการ
เมื่อควรผจญภัยไปพบแพทย์เกี่ยวกับปวดหัว?
หากคุณปวดหัวรุนแรงที่ไม่ดีขึ้น มีอาการเปลี่ยนแปลงที่เฉพาะเจาะจง เช่น อาการปวดสวนที่อึกอักจนทำให้เกิดอาการสัมผัสการเคลื่อนไหวที่ยากเข้าถึง อาการปวดที่เฉียบพลันของศีรษะ อาการติดต่อกันพร้อมกับคันหูอักเสบ หรืออาการกล้ามเนื้อใบหัวอักเสบ ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
การบริหารจัดการปวดหัวเองได้ในเคสไหนบ้าง?
การบริหารจัดการปวดหัวเองสามารถทำได้สำหรับอาการปวดหัวที่ไม่รุนแรง อาการปวดหัวจากเหตุผลที่ทรงพลังเช่น การเคลื่อนไหวมากเกินไป หวัดโรคประจำตัว ความเครียด และไมเกรน อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดหัวรุนแรง สะดุดตามประวัติการชมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและบทนำในการรักษา ป้องกันอาการปวดหัวในทางที่ง่าย ๆ ได้โดยการควบคุมสภาพความเครียด การดูแลสุขภาพร่างกายอย่างเหมาะสม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการทานอาหารที่เหมาะสม
หากมีปัญหาอื่นที่ไม่ได้พูดถึงในบทความ ทำไงดี?
หากคุณมีปัญหาที่ไม่ได้พูดถึงในบทความนี้ หรือมีคำถามเพิ่มเติม ควรพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์จะตรวจสอบประวัติได้รวมถึงอธิบายและกำหนดการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
ปวดหัวแบบไหนต้องไปหาหมอ
ปวดหัวแบบไหนต้องลักษณะคลื่นไส้ (Migraine)
ปวดหัวแบบคลื่นไส้หรือ Migraine เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด พบได้มากกว่ากลุ่มอาการปวดหัวใด ๆ รวมทั้งปวดหัวเรื้อรัง (Tension headache) เป็นส่วนใหญ่ อาการปวดหัวแบบคลื่นไส้จะดำเนินเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยาว และพบได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. Migraine ปกติ (Migraine without aura) : ปวดหัวอย่างรุนแรง คลื่นเนื้อเยื่อที่กดสมอง (Cortical spreading depression) ที่พบในอำนาจบวก (Supranuclear tract) มีระยะเวลาของปวดหัว 4-72 ชั่วโมง ส่วนใหญ่คือ 4-24 ชั่วโมง จนกระทั่งมีอาการที่เพิ่มขึ้นเมื่อความเครียดลดลง (Post stress) หรือระหว่างช่วงหลับพักตามสิบเก่า (Analgesic withdrawal headache)
2. Migraine แสดงตัวได้ประกอบเส้นประสาททางอำนาจบวก (Migraine with Aura) : ปวดหัวรุนแรงพร้อมกับอาการผิดปกติภายในระยะเวลา 5-60 นาที ก่อนที่อาการปวดหัวจะเกิดขึ้น อาการผิดปกติพร้อมกับอาการปวดหัวนี้สามารถประกอบด้วย อาการผิดปกติทางการมองเห็น เช่น เวสซินี (visual scintillation) หรือปิดอย่างรวดเร็ว (Flickering or loss of vision) อาการผิดปกติทางรับรส เช่น สิ่งเคี้ยวเข้าปากซึ่งหมายถึงปลายปากใบบัวที่เคี้ยวไปได้อย่างรับรสไม่ถูกต้อง จุดประสาทที่เกี่ยวข้องอาจกระตุ้น Myocardial infarction, Aura migrale
ในทางการคลินิกนั้น Migraine มักจะมีอาการประกอบด้วย อาเจียน เวียนศรีษะ เสียงดังในหู และความรู้สึกเข้าไป หลับล้ำ หรือมโน ความเข้าใจช้า และความซึมเศร้า ลักษณะการปวดของ Migraine กำหนดด้วย ความรุนแรง, ระยะเวลาดราม่า, ตำแหน่งและลักษณะการรักษาฉีดปฏิกิริยา
ปวดหัวแบบเรื้อรัง (Tension headache)
Tension headache หรือ ปวดหัวแบบเรื้อรัง เป็นคำจำกัดความที่อธิบายอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นพบได้บ่อยที่สุด (Prevalence) การปวดหัวเรือนตรง (Bilateral location) อาจมาพร้อมกับความกดอย่างเอาใจใส่ (Pressing or tightening) ที่รอบศีรษะหรือคอ อาจมีความรุนแรงตรงกลางสุด (Moderate intensity) และเรียกอาจกระเทือนขึ้นพร้อมกับกิ่งก้านเส้นประสาทตรงขา (Pressing or tightening sensation)
ในการวินิจฉัย Tension headache จำเป็นต้องอาศัยประสาทวิศวกรรม โดยเฉพาะอัตราการนับประสาทเดียวกัน (Genetic predisposition) บริเวณหลอด เนื่องจากสภาพคลื่นแสงที่บริเวณการแข็งตัวจากการฝืน (Subliminal priming) ความสัมพันธ์ทาง Neurological มักจะเปี่ยมด้วยความอาศัยอุปสรรคจากวัตถุดิบ และกระเทือนลงด้วยกันส่งผลให้เกิดอาการน้อยลง เช่น Contrast headache
FAQs
1. การวินิจฉัยปวดหัวแบบไหนที่ต้องไปหาหมอ?
– หากคุณมีปวดหัวควรพบแพทย์ หากคุณพบว่าความรุนแรงของอาการเพิ่มขึ้น มีความไวต่อแสง เสียงดังในหู หรือมีอาการกล้ามเนื้อแข็ง (Tight muscles) ในคอหรือแขน
2. Migraine และ Tension headache ด้วยกันอาจมีอาการแบบใดบ้าง?
– ปวดหัวบนร้อยละ 65-80 ของผู้ป่วยของ Migraine จะมีอาการการหอบหายใจที่เป็นบ่อยครั้ง และบางครั้งอาจมีอาการเวียนศรีษะ อาเจียน ไข้ หรือความรู้สึกเข้าไปหายใจ ในทางกลับกัน Tension headache จะมีอาการเจ็บและกวนปัญหาทางกล้ามเนื้อตามมา
3. มีอาการผิดปกติภายในระยะเวลา 5-60 นาทีก่อนที่ปวดหัวจะเกิดขึ้น คืออะไร?
– อาการผิดปกติภายในระยะเวลาดังกล่าวคือ Migraine with Aura ที่อาจประกอบไปด้วยอาการผิดปกติทางการมองเห็นหรือรับรส
4. Tension headache เกิดจากสาเหตุใด?
– ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของ Tension headache อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้สรุปว่าคงมีปัจจัยบางส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิเช่น ความเครียด สภาพจิตใจ หรือปัจจัยทางสังคม
ดูเพิ่มเติมที่นี่: shoptrethovn.net
ปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ
สาเหตุของปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ
อาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับส่วนมากนั้นเกิดจากความกดที่กล้ามเนื้อที่อยู่รอบปลายเส้นประสาทในหน้าศีรษะ ส่วนมากเช่นกันเนื่องมาจากการเจ็บป่วยที่เกิดจากการหลั่งปลายประสาทโดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ขยับตา การทำงานติดต่อเนื่องที่ใช้ตามากเช่น ประสาทตาอ่อนกระพริบ สามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่อาจก่อให้เกิดอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับด้วย เช่น การเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังบนคอที่ไม่เกาะติดกับกัน การหลั่งปลายประสาทส่วนใหญ่เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวชนิดนี้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น การบีบตัวของเส้นประสาทในหลอดสมองหลัก (พากันสลายตัว) หรือการเกิดอาการปวดศีรษะจากการบีบของกล่องหน้าเสียดวงตา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการกลั่นกรองเยื่อบุตา
อาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ
ผู้ที่มีอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับอาจรู้สึกเจ็บปวดในบริเวณหน้าจากที่ตาวงกลม ยิ้ม คำพูด คายลมสมอง แรงดันรู้สึกผิดปกติในการเคลื่อนไหวของตา ปวดข้างหน้าศีรษะ มักเป็นอาการที่รุนแรงในบางราย แต่ก็อาจเป็นเฉพาะกระแสโรคที่ปวดมากขึ้นหรือหายไปเองก็มีได้ แผลที่ผู้ป่วยรับรู้จะอยู่ที่บริเวณคอหรือหลังศีรษะ
การรักษาและป้องกันปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ
การรักษาอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับจำเป็นต้องพิจารณาจากสาเหตุของอาการ เพื่อหาวิธีการทำให้ปวดหัวลดลง ซึ่งอาจจะประกอบไปด้วยการทายานอนหลับให้เพียงพอ เลือกทานอาหารที่เหมาะสม รวมทั้งการปรับที่จับต่อให้คอสะดือสบาย หลีกเลี่ยงการทำงานที่เคลื่อนไหวต่อเนื่อง และพยายามทำให้สภาพอารมณ์เป็นบวกนอกจากนี้ยังมีการใช้ยาต้านปวด การอาบน้ำอุ่น การสวมใส่ตุ่มให้ไส้กรอบ การนวดกล้ามเนื้อเส้นลูกคอ และการฟื้นฟูจากการเคลื่อนไหวของคอ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs):
Q: ทำไมฉันถึงมีปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ?
A: อาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเจ็บป่วยที่เกิดจากการหลั่งปลายประสาทของกล้ามเนื้อตา การทำงานติดต่อเนื่องที่ใช้ตามาก เป็นต้น
Q: ฉันควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับหรือไม่?
A: ถ้าความเจ็บปวดส่งผลต่อคุณเป็นประจำหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
Q: อาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับสามารถรักษาได้ด้วยวิธีการใดบ้าง?
A: การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของปวดหัว เช่น การใช้ยาต้านปวด การปรับเปลี่ยนการพึ่งต่อรูปแบบการทำงาน การนวดกล้ามเนื้อเส้นลูกคอ การอาบน้ำอุ่น หรือการพักผ่อนใจเพื่อลดความเครียด
Q: สามารถป้องกันอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับได้อย่างไร?
A: เพื่อป้องกันอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ คุณควรที่จะปฏิบัติตามข้อแนะนำดังนี้: หลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวต่อเนื่องในระยะเวลานานๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกทานอาหารที่มีสารอาหารสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และลดระดับความเครียดในชีวิตประจำวัน
Q: อาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียอย่างเชื่องช้าหรือไม่?
A: ในบางราย อาการปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติได้จนถึงระยะเวลานานๆ
อาการปวดหัวแบบต่างๆ
การปวดหัวเป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คน ซึ่งมีสาเหตุจากหลายปัจจัยต่างๆ เช่น การเครียด ความตึงเครียด หรืออาจเกิดจากปัจจัยด้านสุขภาพก็ได้ เช่น ความเมื่อยล้า เป็นต้น
อาการปวดหัวแบบต่างๆ จะแบ่งออกเป็นหลายลักษณะ โดยองค์ประกอบหลักของอาการปวดหัวสามารถแยกได้เป็นหกประเภทตามที่ระบบ International Headache Classification (ICHD-3) กำหนดไว้ ประกอบไปด้วย ปวดหัวแบบคลื่นไส้ ปวดหัวแบบไมเกรน ปวดหัวแบบเครียด ปวดหัวแบบผิดปกติ ปวดหัวในระบบประสาทหรือของระบบหลอดเลือด และอาการปวดหัวที่เกิดจากการรับประทานยาหรือสารระงับแสง
ปวดหัวแบบคลื่นไส้ (Migraine):
ปวดหัวแบบคลื่นไส้ เป็นอาการหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยพันธุกรรมและสภาวะเสี่ยงอื่นๆ เช่น การเครียด ความเมื่อยล้า การสลัดเงื่อนในอากาศ และปัจจัยอื่นๆ อาการปวดหัวแบบไมเกรนจะมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และแสงรุ่งแสงคราม ระยะเวลาที่เป็นทั้งการปวดหัวและอาการอื่นๆ ช่วงละ 4-72 ชั่วโมง ปวดหัวแบบไมเกรนควรรักษาด้วยการพูดคุยระหว่างแพทย์และผู้ป่วย เพื่อกำหนดยาและชนิดของยาที่เหมาะสม
ปวดหัวแบบเครียด (Tension Headache):
ปวดหัวแบบเครียด เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดหลังจากปวดหัวแบบไมเกรน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น คลื่นไส้ หรืออาการแย่งคลื่นไส้ เป็นต้น การแบ่งประเภทของปวดหัวแบบเครียดนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ปวดหัวแบบเครียดเฉียบพลัน (episodic tension-type headache) และปวดหัวแบบเครียดเรื้อรัง (chronic tension-type headache) อาการปวดหัวแบบเครียดจะเกิดขึ้นเนื่องจากการทดแทนของตัวปัจจัยล้าหลัง การคัดกรองสมอง และอาการอื่นๆ เช่น อาการเครียด เครียดตนเอง เป็นต้น
ปวดหัวแบบผิดปกติ (Cluster Headache):
ปวดหัวแบบผิดปกติ เป็นอาการที่จำกัดเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น โดยผู้ที่เป็นกลุ่มนี้จะปวดหัวในข้างเดียวของศีรษะ ระหว่างเลาะระวังเวลารุ่งเรืองหรือรุ่งแสง ของตอนเช้า อาการปวดหัวในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อชาติ (เจ็บมากกว่าข้างละครึ่งของวัน) และมียางจากตัวปัจจัยรักษาชั่วคราวได้มาก
ปวดหัวในระบบประสาทหรือระบบหลอดเลือด (Headache Due to Neuralgia or Vascular Disorders):
ผู้ที่ปวดหัวในระบบประสาทหรือระบบหลอดเลือด เป็นส่วนน้อยหรือในกรณีที่ตรีจีบัญญัติในอากาศของสมอง อาจแสดงอาการภาวะทางจิตใจ อารมณ์พองฉุดๆ แคบใจ อ่อนเพลีย ซึ่งอาจร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ชายหาด เท้ากะพิบ หรือปวดช่องล่างแก้ม
ปวดหัวที่เกิดจากการรับประทานยาหรือสารระงับแสง (Headache Due to Drug or Substance Use):
อาการปวดหัวที่เกิดจากการรับประทานยาหรือสารระงับแสงเป็นผลจากยาหรือสารต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกาย ณ จุดประสงค์เพื่อความปลอดภัย เช่น ยาแก้ปวดในรายการ ยาล้าสมอง ยาต้านโลหิตจมูกรักษาภาวะปวดหัว ยาบ้า ยาแก้ปวดทืออื่นๆ ไว้แต่ เมื่อคุณสัมผัสกับยาหรือสารเหล่านั้นอาจเกิดอาการปวดหัวได้ ซึ่งจะได้รับการรักษาโดยการหลีกเลี่ยงยาหรือสารเหล่านี้
การรักษาปวดหัว:
ขั้นตอนแรกในการรักษาปวดหัวคือการระบุสาเหตุหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอาการ หากสาเหตุเป็นที่ทราบ การรักษาจะเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ การแก้ปัญหาเรื่องอาการไมเกรนและปวดหัวด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องก็เป็นส่วนสำคัญในการรักษา ในบางกรณี การใช้ยาต้านปวดหัวก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี
สรุป:
ปวดหัวเป็นอาการที่พบได้เป็นประจำในชีวิตประจำวันของคนหลายๆ คน โดยสาเหตุอาการสามารถแบ่งออกเป็นหลายลักษณะ โดยมีอาการปวดหัวแบบคลื่นไส้ แบบไมเกรน แบบเครียด แบบผิดปกติ ในระบบประสาทหรือระบบหลอดเลือด และตามการรับประทานยาหรือสารระงับแสง ทั้งนี้ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย ผู้ป่วยควรปรึกษาหาคำแนะนำจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญซึ่งแนะนำและตรวจสอบป้องกันบาดเจ็บจากอาการปวดหัวด้วยการปรับแก้ไขพฤติกรรมหรือตัวปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และการใช้ยาที่เหมาะสมในการรักษา
คำถามที่พบบ่อย:
คำถามที่ 1: อาการปวดหัวแบบไมเกรนมีอายุกี่วัน?
คำตอบ: อาการปวดหัวแบบไมเกรนในระยะเวลาทั้งที่มีอาการปวดหัวและอาการอื่นๆ (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แสงรุ่งแสงคราม) จะมีอายุยาวตั้งแต่ 4-72 ชั่วโมง
คำถามที่ 2: จะมีการรักษาอย่างไรสำหรับปวดหัวแบบเครียด?
คำตอบ: การรักษาปวดหัวแบบเครียดสามารถทำได้หลายวิธี อาทิ เช่น การปรับพฤติกรรมที่มีต่ออาการเช่นการหลีกเลี่ยงสาเหตุหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอาการ เช่นการลดความเครียด การดูแลสุขภาพร่างกายโดยการออกกำลังกาย การนอนหลับอย่างเพียงพอ และการใช้ยาต้านปวดหัว การติดต่อแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเป็นส่วนสำคัญในการทำแผนการรักษา
คำถามที่ 3: ผู้ที่มีปวดหัวแบบผิดปกติสามารถรับการรักษาอย่างไรได้บ้าง?
คำตอบ: การรักษาปวดหัวแบบผิดปกติจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการที่เกิดขึ้น แต่ในบางกรณี การใช้ยาต้านปวดหัวหรือยาแก้ปวดช่องล่างแก้มในขณะที่มีอาการซึ่งสามารถให้ประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
วิธีแก้ปวดหัว
ปวดหัวเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันของผู้คน อาการปวดหัวมักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การทำงานหนัก การนอนพักผัวไม่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอ แม้ว่าไม่ใช่ภาวะที่อันตราย แต่อาการปวดหัวสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพของบุคคลได้ ดังนั้น หากคุณกำลังแสวงหาวิธีแก้ปวดหัว เราได้รวบรวมข้อมูลและคำแนะนำเพื่อช่วยให้คุณบรรเทาอาการปวดหัวได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
โดยวิธีแก้ปวดหัวแบบง่ายๆ จะประกอบไปด้วยการพักผ่อนให้ได้พอดี รับประทานอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอาสาสมัคร ต่อไปนี้เป็นวิธีแก้ปวดหัวที่คุณสามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันของคุณได้
1. รับประทานอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ: การกินอาหารที่ไม่เพียงพอ หรือการกินอาหารที่มีส่วนผสมที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นสาเหตุสำคัญของปวดหัว คุณควรรับประทานอาหารที่เต็มที่ด้วยวัตถุดิบที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น ผักและผลไม้สด อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพประจำวัน เช่น แป้งสูตรชนิดดี เนื้อสัตว์ที่ปรุงแล้วในระเบียบอาหารตามหลักความถูกต้อง
2. พักผ่อนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนทำหน้าที่สำคัญในการรักษาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ คุณควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ และนอนพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูความกระปรี้กระเปร่าในชีวิตประจำวันได้ นอนพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยนำเสนอการนอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนเป็นจำนวนเวลาที่เหมาะสมสำหรับคนทั่วไป
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายเป็นวิธีมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหัว การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและงานที่ดีของจุดบริเวณกล้ามเนื้อ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ การวิ่ง/เดินเร็ว การว่ายน้ำ หรือกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ เลือกให้เป็นสิ่งที่คุณชอบและสามารถทำได้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม
4. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอาสาสมัคร: การทำงานหนักและการมีแรงกดดันอาจเป็นสาเหตุหลักของปวดหัว คุณควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานหรือพักผ่อนเพื่อลดแรงกดดันที่ปวดหัว จากนั้น คุณสามารถทดลองการเพิ่มเวลาพักผ่อนในช่วงที่สำคัญ เช่นการประชุม เวลากลางคืน หรือช่วงเวลาอื่นๆ ที่เป็นไปได้
5. ซักประวัติการใช้ยา: ปวดหัวอาจเกิดจากยาที่บริโภค นอกจากนี้ มีบางแบบของปวดหัวที่เกิดขึ้นเนื่องจากการตั้งครรภ์หรือคุณสมบัติทางพันธุกรรม หากคุณเริ่มรู้สึกมีอาการปวดหัวหลังจากเริ่มรับประทานยา คุณควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาหรือการรับประทานยาให้ถูกต้องโดยใส่คำแนะนำเกี่ยวกับปวดหัวที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปวดหัว
Q1: อาจารย์ เบื้องต้น ฉันควรทำอย่างไรเมื่อเกิดอาการปวดหัว?
A1: เมื่อคุณรับรู้ว่าคุณมีอาการปวดหัว คุณควรพักผ่อนและพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจเป็นสาเหตุของปวดหัว เช่น การอ่านหนังสือเป็นเวลานาน คุณควรพยายามหดปริมาณแสง และจัดท่าให้กล้ามเนื้อและข้อต่างๆ สำหรับบางคน บริเวณศีรษะเป็นจุดที่เกิดความเครียด ในกรณีนี้ การนวดจุดบริเวณที่เป็นจุดช่วยรับประทานการอาหารอย่างง่ายๆ หรือการวางแผนอาหารให้รับประทานอย่างเพียงพออาจช่วยลดอาการปวดหัว
Q2: อาจารย์ คุณแนะนำยาที่ใช้รักษาปวดหัวได้หรือไม่?
A2: ในกรณีที่ปวดหัวไม่มีสาเหตุจากการเจ็บป่วยหรือสภาวะที่อันตราย คุณสามารถใช้ยาที่ไม่มีกลไกการทำงานหรืออาจทำงานโดยเจตนาให้ลดอาการปวดหัวได้ ตัวอย่างเช่น อัตราการใช้ยาดังนี้ พาราเซตามอล, เวลเนสเม็ด ตัวเลือกคือ พาราเซตามอลแบบเจลที่เหมาะสมสำหรับคนที่บวมง่ามหนักหรือคุณที่ไม่สามารถกลืนเม็ดยาได้ในขณะที่มีอาการปวดหัว คีย์การเลือกขนาดสำหรับคุณบุคคลและอายุของคุณเมื่อคุณใช้ยา
Q3: อาจารย์ การนวดสมาร์ทโฟนสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรเทาปวดหัวได้หรือไม่?
A3: การนวดสมาร์ทโฟนเป็นเทคนิคการนวดที่เป็นทางเลือก โดยการนวดแกนกลาง ด้ามเทียน หรือด้านหลังของหัว สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเล็กน้อยได้ การนวดสมาร์ทโฟนสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยลดความเครียดได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกิจกรรมกายภาพบำบัดก่อนการใช้เทคนิคนวดเพื่อปกป้องความปลอดภัยของคุณและการรักษาที่เหมาะสม
Q4: อาจารย์ ฉันควรค้นหาคำปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเมื่อปวดหัวแต่ละครั้งหรือไม่?
A4: หากคุณมีอาการปวดหัวที่รุนแรง ปวดหัวยากจนไม่สามารถทนได้ ปวดหัวที่เป็นครั้งสุดท้าย หรืออาการปวดหัวที่พบบ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตร่างกายและจิตใจของคุณ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อการประเมินอย่างละเอียดเพื่อสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
โดยสรุปแล้ว ปวดหัวเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันของบุคคลทั่วไป ยังไม่มีการรักษาแบบยายาสลบหรือการรักษาแบบคัดกรองที่มีประสิทธิภาพที่ไม่มีผลข้างเคียงเสี่ยง ดังนั้น วิธีแก้ปวดหัวอย่างรวดเร็วและความสุขได้รวมถึงเพิ่มยาที่อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำสอนในหน้าปวดหัว็ดึกดั่น-FAQ
หมายเหตุ: ข้อความนี้ไม่ใช่ที่ปรึกษาเพื่อการแนะนำการรักษาทางการแพทย์ กรุณาปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับคำแนะนำทางการแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับคุณ
พบ 25 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ปวด หัว แบบ ไหน.
ลิงค์บทความ: ปวด หัว แบบ ไหน.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ปวด หัว แบบ ไหน.
- ปวดศีรษะแบบไหนเป็นโรคใดได้บ้าง
- ปวดหัวแบบต่างๆ อาการยังไง วิธีเช็คชนิดไหนอันตราย ควรหาเแพทย์!
- ปวดหัวอย่านิ่งนอนใจ ปวดหัวแบบไหนต้องไปพบแพทย์!!!
- ปวดหัวตรงไหน บอกอะไร – คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
- โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง ภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ
- ปวดหัวแบบต่างๆ อาการยังไง วิธีเช็คชนิดไหนอันตราย ควรหาเแพ …
- ‘ ปวดหัว ‘ อย่างไรคืออาการทั่วไป และกรณีใดต้องรีบพบแพทย์
- ปวดหัวแบบไหนที่เรียกว่าอันตราย – โรงพยาบาลสุขุมวิท
- ปวดหัวตรงไหน บอกอะไร – รามา แชนแนล
ดูเพิ่มเติม: https://shoptrethovn.net/category/mindfulness blog